โอกาสธุรกิจสร้างรายได้

 

รายชื่อผู้ร่วมธุรกิจวันนี้

ทวีศักดิ์ มากมี       จ.อุดรธานี
------------------------------------------
นิรุติ สุขนิรันดร์      จ.ยโสธร
------------------------------------------
สมาน พิบูลย์กิจ      จ.ขอนแก่น
------------------------------------------
สมมาตร เจริญสุข     จ.เชียงใหม่
------------------------------------------
สมปอง เสริมศีร     จ.นครราชสีมา
------------------------------------------
ฐิติพันธ์ เบ้าลี         จ.สุรินทร์
------------------------------------------

ที่มาของรายได้ 100,000 บาท

          หลายคนคงเคยได้ยินมาว่า ทำธุรกิจเครือข่ายแล้ว มีรายได้เป็นหลักแสนหลักล้านต่อเดือน คงเกิดความสงสัยว่า บริษัทเอาเงินจากที่ไหนมาจ่ายเยอะขนาดนี้ จะจ่ายจริงหรือเปล่า?

          เริ่มต้น คงต้องขอย้อนกลับไปดูการตลาดแบบเก่าก่อนว่า ค่าการตลาดที่ผู้บริโภคไม่รู้ มีลักษณะโครงสร้างเป็นอย่างไร แล้วก็มาดูโครงสร้างการตลาดแบบเครือข่าย แล้วจะรู้และเข้าใจว่า เอาเงินจากไหนมาจ่ายได้เยอะขนาดนี้


จากรูปด้านบนจะเป็นการตลาดแบบเก่าที่เราคุ้นเคยกันดี
          สินค้าที่เราซื้อมา 100% สมมติว่าราคา 100 บาท ต้นทุน+กำไรจากโรงงานจะอยู่ที่ 40 บาท หรือ 40% อีก 60 บาท หรือ 60% จะไปตกอยู่กับคนกลาง ซึ่งก็คือ ค่าโฆษณาสินค้า ค่าธุรกิจค้าส่ง ค่าธุรกิจค้าปลีก โดยที่เราในฐานะผู้บริโภคต้องจ่าย 100 บาท หรือ 100% เต็ม

          แต่การตลาดแบบเครือข่าย จากรูปส่วนล่าง จะเห็นว่า คนกลางจะถูกตัดออกจากระบบ สังเกตง่ายๆว่า สินค้าจะไม่มีโฆษณาทางโทรทัศน์ ซึ่งถ้าไม่มีโฆษณาโทรทัศน์ นั่นก็แปลว่า ไม่มีค่าเช่าสัญญาณดาวเทียม (คิดเป็นวินาที หลักแสนบาทขึ้นไป) ไม่มีค่าตัวดาราโฆษณาเป็นหลักสิบล้าน ไม่มีค่าจ้างทำโฆษณา ไม่มีค่าคนกลาง ไม่มีค่าธุรกิจค้าส่ง ไม่มีค่าธุรกิจค้าปลีก จากโครงสร้างนี้ สินค้าที่เราซื้อมา 100% สมมติว่าราคา 100 บาท ต้นทุน+กำไรจากโรงงานจะอยู่ที่ 40 บาท หรือ 40%
โดยที่เราในฐานะผู้บริโภคต้องจ่าย 100 บาท หรือ 100% เต็ม เช่นกัน

          แต่ความแตกต่างอยู่ที่ เงิน 60 บาท หรือสัดส่วน 60% ที่ตัดออกจากคนกลาง ที่บริษัทจะนำมาทำเป็นเงินปันผลให้กับนักธุรกิจเครือข่ายตามแผนการตลาดที่บริษัทกำหนด ซึ่งถือว่า สมาชิกเป็นผู้ทำการตลาดโฆษณาประชาสัมพันธ์สาธิตสินค้า ให้ลูกค้าได้รู้ว่ามีสินค้าชิ้นนี้และมีประสิทธิภาพเป็นอย่างไร พร้อมทั้งบริการดูแลลูกค้า ซึ่งสัดส่วน 60% นี้เป็นจำนวนเงินที่มหาศาลมาก เช่นถ้าเครือข่ายของเรามียอดซื้อกินซื้อใช้ 50 ล้านบาท ทำไมบริษัทจะจ่ายโบนัสเป็นแสน เป็นล้านให้เราไม่ได้

          มาถึงตรงจุดนี้แล้ว คงหายสงสัยแล้วว่า ธุรกิจเครือข่ายสามารถจ่ายเงินเป็นหลักแสนหลักล้านให้เราได้อย่างแน่นอน สามารถเป็นมรดกจากรุ่นสู่รุ่นไม่มีวันสิ้นสุดยังยืนตลอดไป ถ้าเป็นธุรกิจเครือข่ายผู้บริโภค มีกลุ่มสินค้าหลากหลายและเป็นกลุ่มสินค้าที่จำเป็นต้องใช้ ราคาไม่สูงจนเกินไป สินค้าพวกนี้ได้แก่ สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างห้องน้ำ เครื่องสำอาง อาหารเสริม ฯลฯ ดังรูป


รูปแบบของรายได้แบ่งเป็น 2 รูปแบบ
1. แบบ Active Income คือ รายได้ที่ต้องทำงานเท่านั้นถึงจะมีรายได้ ถ้าหยุดทำงาน รายได้ก็หยุดตามไปด้วย มักจะพบในอาชีพ มนุษย์เงินเดือน และคนหาเช้ากินค่ำ ซึ่งต้องเอาแรงกายและเวลาเข้าแลก ซึ่งเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่

2. แบบ Passive Income คือ รายได้ที่ไม่จำเป็นต้องทำงานก็มีรายได้ หยุดทำงาน แต่รายได้ไม่หยุด มักจะพบในบางอาชีพเท่านั้น เช่น ให้เช่าหอพัก, คอนโด, อสังหาริมทรัพย์, ลิขสิทธิ์ทางปัญญา, แฟรนไชน์, ธุรกิจเครือข่าย

           ธุรกิจเหล่านี้ ต้องมีการลงทุนที่สูง เช่น 7-11 ลงทุนไม่ต่ำกว่า 2 ล้าน ให้เช่าหอพักหรือคอนโดก็ลงทุนหลายสิบล้าน ซึ่งถ้ามีเงินทุนก็คงสามารถลงทุน และสร้าง Passive Income ได้อย่างแน่นอน

          แต่สำหรับบางคนที่ไม่มีเงินทุนที่มากพอ แต่ปรารถนารายได้แบบ Passive Income ก็มีอีกหนึ่งธุรกิจ นั่นคือธุรกิจเครือข่าย ซึ่งลงทุนสมัครเป็นสมาชิก 100 บาท แล้วสร้างเครือข่ายกลุ่มผู้ใช้สินค้า ใช้ระยะเวลาสร้าง 2-5  ปี มีเครือข่ายกลุ่มผู้ใช้สินค้าประมาณ 5,000 คน สมมุติแต่ละคนบริโภคเดือนละ 1,000 บาท จะมียอดบริโภค 5,000,000 บาท/เดือน ตัดสัดส่วน 60% ให้ผู้สร้างเครือข่าย นั่นคือ ประมาณ 3,000,000 บาท กระจายแบ่งปันรายได้สู่เครือข่ายกลุ่มผู้ใช้สินค้า ก็จะมีคนมีรายได้ตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักแสนหลักล้าน ซึ่งก็หมายรวมถึงตัวคุณด้วยคงมีรายได้หลักแสนหรือหลักล้านได้อย่างแน่นอน และสามารถที่จะมีรายได้แบบนี้ทุกเดือนเพราะเป็นสินค้าประเภทที่ใช้แล้วหมดไปต้องซื้อซ้ำใหม่ประจำเรื่อยๆทุกๆเดือน จึงไม่แปลกว่า ทำไมธุรกิจเครือข่ายจึงน่าหลงใหล เพราะมีข้อดีมากมายดังนี้

1. เปิดโอกาสให้กับทุกคนเปลี่ยนตัวเองในด้าน E (Employee) ลูกจ้าง และ S (Self Employee) นักธุรกิจส่วนตัวมาเป็นคนในด้าน B (Business Owner) เจ้าของกิจการ
2. เป็นธุรกิจของตนเอง ลงทุนน้อย ไม่เสี่ยง ไม่มีนายจ่างลูกจ้าง ขยายธุรกิจไม่จำกัด
3. สามารถทำเป็นงานเสริมควบคู่กับงานประจำได้
4. เป็นงานที่ยืดหยุ่นไม่มีกำหนดเวลา ความสำเร็จขึ้นอยู่กับความตั้งใจ
5. เป็นงานที่ผ่อนแรง สามารถหยุดทำงานได้โดยรายได้ไม่หยุด
6. ร่นระยะเวลาความสำเร็จไม่ต้องใช้เวลาทำงานทั้งชีวิตเก็บเงินเพื่อรอเกษียณแต่ใช้เวลาทำงานเพียง 1-2 ปี ก็มีรายได้ที่สามารถเกษียณได้ทั้งชีวิต
7. สร้างความมั่นคงให้กับชีวิตตนเอง และครอบครัว
8. เครือข่ายเป็นทรัพย์สินที่มีเพิ่มพูนขึ้นได้ด้วยตัวเองตลอดเวลา
9. ได้อิสรภาพทางการเงินและเวลาอย่างที่ต้องการ
10. ได้รู้จักและร่วมงานกันผู้คนมากมาย หลากหลายสาขาอาชีพ
11. เป็นมรดกให้ลูกหลาน
12. การพัฒนาตนเอง
13. ได้มีโอกาสท่องเที่ยวทั้งใน และ ต่างประเทศ
14. เปิดโอกาสให้ทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่จำกัดการศึกษา เริ่มต้นเหมือนกันหมด ได้รับความเสมอภาคได้รับการยกย่องในสังคม ได้ความยุติธรรม ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ
15. เป็นธุรกิจแห่งการแบ่งปัน แบ่งความรู้ แบ่งปันค่าใช้จ่าย แบ่งปันเวลา แบ่งปันโอกาสทองของชีวิต
16. ด้านอิสรภาพ เรื่องเวลาเรื่องเงินตราเรื่องบริหารองค์กร
17. เครือข่ายสามารถขยายเองได้ ถ้าเทียบกับตึกหรือคอนโดแล้วไม่สามารถขยายชั้น หรือขยายห้องเองได้ จะขยายได้ก็ต้องลงทุนเพิ่ม


          ได้รู้เกี่ยวกับข้อดีของการทำธุรกิจเครือข่าย แบบถึงพริกถึงขิงกันแล้วทุ กท่านคงคิดและเข้าใจในทางที่ดีกับธุรกิจเครือข่ายมากขึ้นแล้วใช่ไหมครับ ทีนี้ก็เหลือแต่ใจคุณแล้วว่า...
สนใจธุรกิจเครือข่ายหรือเปล่า เราพร้อมจะพิสูจน์ว่ามันเป็นไปได้จริง